Sunday, November 15, 2009

มโนทัศน์การเปลี่ยนมโนทัศน์

ครู มีทัศนะต่อนักเรียนในการสร้างแนวคิดที่มีต่อโลกของพวกเขา มากกว่าจะเป็นการรับรู้มาเพียงอย่างเดียว นักเรียนเลือกที่จะเข้าสู่การเรียนรู้และตีความสิ่งที่พวกเขาอ่าน ได้ยิน และสังเกต ดังนั้นความรู้ที่นักเรียนสร้างขึ้นเป็นบางส่วนเท่านั้นที่มาจากสารสนเทศ ใหม่ที่ครูนำเสนอ ส่วนมากความเข้าใจของนักเรียนมาจากแนวคิดและรูปแบบการคิดที่พวกเขามีอยู่ แล้ว มากต่อมากประกอบด้วยฐานมโนทัศน์แบบซื่อไร้เดียงสาจากประสบการณ์ของแต่ละ บุคคลด้วยปรากฏการณ์และภาษาในชีวิตประจำวัน


บทบาทของครูที่เด่นชัดด้วยทัศนะนี้คือสะท้อนแนวคิดนัก เรียนที่มีในปัจจุบัน และแนวทางการคิดและวางแผนคำสอนให้สอดรับกันเพื่อนำทางนักเรียนในการสร้าง ความรู้อย่างเพียงพอมากขึ้น ตัวอย่างเช่นนักเรียนที่มีมโนทัศน์ที่ซีื่อไร้เดียงสา ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุหนึ่งๆ ที่คิดได้ว่าต้องมีแรงมากระทำ การวางแผนและใช้กิจกรรมเพื่อท้าทายทัศนะนี้ ดังนั้นครูจึงใช้หลักฐานและการโต้แย้งในบริบทของการประยุกต์ ดังนั้นนักเรียนก็จะค่อยมีความเชื่อมั่นด้วยพลังเชื่อมั่นที่สูงกว่า และด้วยการรับผลพวงของแนวคิดใหม่
ส่วนหลักของครูใช้การเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์มุ่งเน้นความ สนใจในสถานะปัจจุบันของแนวคิดของนักเรียน และความาสัมพันธ์กับเรื่อง มาตรฐาน ครูที่ใช้การเปลี่ยนมโนทัศน์โดยทั่วตัดสินเนื้อหาที่จะใช้สอน ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงในการช่วยเหลือนักเรียนพัฒนาความคิดเฉพาะทางขึ้นมา ความเป็นเหตุผลก่อตัวขึ้นจากการพิจารณาทั้งโครงสร้างของเนื้อหาวิชา และแนวคิดปัจจุบันของนักเรียน รวมทั้งความเหมือนและต่างกันระหว่างเนื้อหาวิชาและแนวคิดของนักเรียน

มโนทัศน์การเปลี่ยนมโนทัศน์ ที่นักการศึกษามองลึกลงไปในเทอมขององศาที่นักเรียนเข้าไปมีส่วนร่วมและ ประยุกต์ความคิดพื้นฐานในแนวการคิดของพวกเขาเองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ของโลกใน ชีวิตประจำวัน (Anderson, 1989)

No comments: