Sunday, November 15, 2009

ถาวะโลกร้อนที่ไม่ธรรมดา


ใน บล็อกที่ฝนไม่ตกในวันลอยกระทงนับเป็นเรื่องแปลก แต่พอเขาสู่อีกวันฝนก็เริ่มตกติดต่อกันจนถึงวันนี้ จากที่คาดว่าถ้าฝนไม่ตกก็จะนับว่าเป็นปีที่แห้งแล้งมาก  อย่างไรก็ตามฝนก็ตกลงมาทำให้บางท้องที่น้ำท่วม ถนนบางสายรถไม่สามารถวิ่งได้ ขณะนี้ฝนก็หยุดตกไปแล้ว ที่คาดเดาว่าฝนจะตก น้อยและแห้งแล้งในปีนี้ก็ต้องรอดูต่อไป แต่ก็มีกระแสว่า ถ้าไมแล้งมากก็ฝนก็จะตกมากกว่าปกติน่าจะน้ำท่วมใหญ่ในปีนี้ก็เป็นได้


อย่างไรก็ตามผลกระทบจากภาวะโลกร้อน สำหรับประเทศไทยได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่ถ้าคิดง่ายๆ ว่าปริมาณน้ำแข็งแถบขั้งโลกละลายมากก็ย่อมมีน้ำระเหยกลายเป็นไอหมุนเวียน ขึ้นสู่บรรยากาศ ประกอบกับทะเลมหาสมุทรในบริเวณนั้นได้รับความร้อนมากขึ้นเพราะน้ำแข็งละลาย ไปเกือบหมด ทำให้ไม่มีการสะท้อนรังสีความร้อนออกไปนอกโลก มีผลทำให้เกิดพายุใหญ่มากขึ้นได้
จากการสำรวจไม่ไม่นานมานี้ว่าบ้านอาคารที่สร้างแถบขั้ว โลกนั้น คลอนแคลน ฐานรากยุบตัวอันเนื่องจากน้ำแข็งที่อยู่ใต้ดินละลายไปอย่างไม่เคยมีมาก่อน  และที่เกรงกันมากก็คือว่าน้ำแข็งถาวรที่อยู่ใต้พื้นดินนั้น ถ้าละลายมากขึ้นการปิดกั้นแกสมีเทนที่เกิดจากการสะสมจากการสลายตัวของพืชบาง ชนิดเช่นพวกมอส เพราะบริเวณนี้จะไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย และแกสมีเทนนั้นมีคุณสมบัติเป็นแก สเรือนกระจกได้ดีกว่าแกสคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า ก็เท่ากับว่าจะทำให้โลกร้อนมากยิ่งขึ้นความแปรปรวนผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศ และการเกิดพายุใหญ่มากยิ่งขึ้น และมีหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นอย่างคาดเดาไม่ได้


กรณีปลา หอย ตายเป็นแพที่พัทยา แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะบอกว่ามีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของน้ำทะเลที่มีน้ำ จืดเข้าไปผสมมากเกินไป ทำให้สัตว์น้ำดังกล่าวตายไป ที่อาจมีผลมาจากการที่ฝนตกมากเกินไป  แต่ยังไงก็ยังอดไม่ได้ว่ายังน่ามีผลจากสาเหตุอื่นๆ และส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากความแปรปรวนของผลกระทบจากภาวะโลกร้อนส่วนหนึ่ง ด้วย  ซึ่งเราคงต้องตระหนักในเรื่องนี้และศึกษาให้ลึกซึ้งต่อไป

No comments: